จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เข็มทิศชีวิต : ที่พึ่งภายใน

เขียนต้นฉบับไปหลายเรื่อง จนในที่สุดต้องบอกตัวเองว่ายังไงท่านผู้อ่านก็จะหาข้อความระหว่างบรรทัดเชื่อมโยงไปยังเรื่องราวที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งมาตลอดสองสัปดาห์อยู่ดี ก็เขียนกันตรงๆเสียเลย เพราะผู้อ่านคอลัมภ์นี้รักการเรียนรู้ และมองเห็นสิ่งดีงามในทุกๆอย่างมาปรับใช้ในชีวิตตนเองได้เสมออยู่แล้ว
ดิฉันพบว่าชีวิตจะส่งของขวัญมาพอเหมาะพอเจาะพอดีกับความสามารถของเราที่จะเรียนรู้และเติบโตเสมอ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วตอนที่เจอเรื่องหนี้ก็เพื่อให้เราได้มาพบธรรมะ ได้เห็นว่าไม่มีอะไรเลยเราก็มีความสุขได้จากภายในตัวเราเองก่อน ทันทีที่เรามีความสุขได้จากภายในตัวเอง มีสติ มีปัญญา การแก้ปัญหาต่างๆก็เป็นเรื่องง่าย กลายเป็นว่าความท้าทายที่เข้ามาช่วงเวลาสั้นๆกลับทำให้เรามีทรัพย์ภายใน ที่ทำให้ชีวิตเรามั่นคงทั้ง ภายนอกและภายในได้ทำประโยชน์ให้ผู้อื่นและตนเอง
ชีวิตจะหาวิธีส่งบทเรียนใหม่ๆมาให้เราเสมอ แต่ทุกเรื่องในชีวิตสิ่งแรกที่ได้คือ ให้เรารู้ว่านี่ไงล่ะคนอื่นมาทำอะไรไม่ดีในชีวิตเราก็เพื่อให้เราซาบซึ้งใจกับพ่อแม่ ว่าความรักของพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่นัก อะไรที่พ่อแม่อาจพลาดพลั้งบ้างก็เล็กน้อยนักถ้าเทียบกับที่คนอื่นทำกับเรา ต้องขอบคุณคนที่ทำไม่ดีกับเราเพราะเขาอุตส่าห์เอาตัวเองเป็นอุปกรณ์เพื่อให้เรารักพ่อแม่มากขึ้น
ทุกบทเรียนในชีวิต ต้องการให้เราเกิดความเข้าใจจนซาบซึ้งว่าเป็นความหวังดีของชีวิต จนสามารถขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นได้ว่าเข้ามาเพียงเพื่อให้เราเกิดความเข้าใจในผู้คนและตนเองอย่างลึกซึ้งแล้วชีวิตเราจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดเสมอ เหมือนต้นไม้ที่ออกดอกในหน้าแล้งยามขาดนำ้ แล้วเติบโตขยายพันธ์ุกว้างไกล
สองการมีศรัทธาเป็นสิ่งสำคัญ แต่ศรัทธาในตัวเองสำคัญที่สุด นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนเราถึงต้องทำความดี เพราะในเวลาหนึ่งที่อาจไม่มีใครเชื่อเราเลย อย่างน้อยมีเราคนนึงล่ะ ที่เชื่อและภูมิใจในตัวเราเอง การหันกลับไปมองข้างหลังแล้วรู้ว่าเราทำความดีงามอะไรมา และมองไปข้างหน้ารู้ว่าเรามีชีวิตอย่างมีวัตถุประสงค์เพื่อขัดเกลาตัวเราเอง ทำให้เราชัดเจนว่าเราจะเลือกทำอะไรและเลือกไม่ทำอะไร ทำให้เราเข้มแข็งกับสิ่งที่เจอตรงหน้าอย่างกล้าหาญ ด้วยความรู้อย่างเต็มเปี่ยมว่า แล้วในที่สุด ตั้งแต่วันที่สิ่งนี้เกิดจนถึงวันที่จบลง มันให้ประโยชน์กับเราอย่างล้นเหลือยอดเยี่ยมก่อนใคร
สาม สิ่งที่กีดขวางในชีวิตคนมากกว่าอุปสรรคและความท้าทายคือการซ่อนตัวอยูในมุมสบายของตัวเอง หลายคนบอกตัวเองว่าแบบนี้ก็ดีแล้วแต่ชีวิตขาดพลังลงไปทุกวันเพราะแทนที่จะลงมือทำสิ่งที่ต้องทำกลับเอาพลังไปทำเรื่องที่แค่ย้ายความสนใจไปได้เพียงชั่วคราว
หลอกตัวเองว่าปล่อยวางแต่ที่จริงแล้วกลัวที่จะบ่งฝีในชีวิตของตัวเอง เลยไปยุ่งเรื่องคนอื่นหรือทำสิ่งที่ไม่สำคัญในชีวิตจนหมดพลังซังกะตายไปเรื่อยๆ แทนที่จะค่อยๆทำให้ตัวเองเข้มแข็งเตรียมความพร้อม จนจิตใจมั่นคงในการลงมือทำสิ่งที่ควรทำ ก้าวข้ามความกลัวความยากลำบากที่อาจต้องเจอบ้างระหว่างทาง
คนที่หวั่นไหว ยามคนชมก็ลอยคนติก็จม เพราะไม่รู้ชัดว่าตัวเองเป็นใครต้องรอให้คนอื่นมาบอก แต่เมื่อเราหมั่นตรวจสอบขัดเกลาตัวเองอยู่เสมอ เราจะรู้ชัดว่าข้างในนี้เป็นใคร ทำอะไรอยู่และต้องทำอย่างไรจึงประสพผลสำเร็จเป็นประโยชน์ต่อมหาชน และตนเอง
ทันทีที่เรากล้าหาญเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยูในใจตัวเองจนรู้ชัดว่าเราจริงกับตัวเอง จนสามารถทำในสิ่งที่ถูกต้องและควรทำได้ เราจะรู้สึกถึงพลังมหาศาลของศักยภาพในตัวเอง เพราะการปรากฎขึ้นของความท้าทายในชีวิตก็เพื่อให้เราได้ค้นพบศักยภาพสูงสุดของความเป็นมนุษย์ในการเรียนรู้เข้าใจ มีความสามารถที่จะรัก ศรัทธา มั่นคงได้ในทุกสถาณะการณ์
ในที่สุดแล้วไม่ว่าจะลงมือทำอะไร ต้องเห็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าของตัวเราเองเสมอ เห็นเราในเขาเห็นเขาในเรา มันเป็นเรื่องง่ายมากเหมือนเวลาที่นักกีฬาลงสนาม เราอาจจมลงไปในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้จนลืมไปว่ามันไม่ใช่การเอาชนะกันและกัน แต่เป็นเรื่องของการเรียนรู้เพื่อประโยชน์ในระยะยาวในชีวิตของทุกฝ่าย จึงต้องจำให้ได้เสมอที่จะรักษาความปรารถนาดีให้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงขับเคลื่อนการกระทำ เพราะชีวิตปรารถนาดีที่สุดกับเราส่งสิ่งที่ดีที่สุดมาให้เราเสมอ
เพียงมองให้ลึกซึ้งพอ


























ไม่มีความคิดเห็น: