จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ปลดล็อกคลายปม จิตใต้สำนึก

โดย...ฐิตินาถ ณ พัทลุง www.facebook.com/ddnard ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์

ผู้เขียนเพิ่งไปออกรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย โดยทีมงานมีความตั้งใจว่า อยากให้คนไทยทั่วประเทศ กลับมาดูแลครอบครัว รักพ่อแม่ลูก พูดคุยกันไม่สร้างปมในใจให้กัน พร้อมกับสามารถกลับเข้าไปทำความเข้าใจเหตุการณ์ในอดีต ที่เป็นปมในชีวิตของตนเองได้ มีความสุข ได้ประโยชน์ ได้ข้อคิด ผ่านหน้าจอทีวี
เมื่อเกือบสิบปีมาแล้ว ดร.มาติน เซลิกแมน นายกสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ประกาศต่อหน้าที่ประชุมของสมาคมว่า “ข้อความที่เราจะสื่อสารกับประชาชน คือ เราจะเริ่มกระแสใหม่ วิชาจิตวิทยาจะไม่ใช่เพียงแค่การศึกษาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บทางจิต ความอ่อนแอ และความบกพร่องทางใจอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงความแข็งแรงและความงดงามคุณลักษณะที่ดีของมนุษย์” “การฝึกมองแง่บวก สามารถลดภาวะซึมเศร้าในเด็กและผู้ใหญ่ได้” “ เราจะหยุดหมกมุ่นกับการแก้ปัญหาซ่อมเพ่งเล็งไปยังจุดที่แย่ที่สุดของมนุษย์ แต่จะมองไปที่การทำให้ด้านที่ดีงามในตัวของคนเข้มแข็งขึ้น”
การหันมาช่วยให้คนมีวิธีคิดและมุมมองที่ถูกต้องดีงาม ช่วยลดความเครียด ลดการใช้ยาคลายเครียด ทำให้คนมีความสุขในชีวิต ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยผู้เขียนได้ทำคลิปสอนการจัดการกับระบบประสาท จิตใต้สำนึก ด้วยเทคนิคต่างๆ ที่นำหลักการเข็มทิศชีวิตมาประกอบกับวิทยาศาสตร์จิตใต้สำนึกที่ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในต่างประเทศมาตลอด 50 ปีที่ผ่านมา โดยจัดให้คนได้เรียนทางไกลฟรีทางช่องยูทูบ และในดีวีดีประกอบหนังสือ เข็มทิศชีวิต 5 มั่งคั่ง ซึ่งมีคนหลายล้านคนได้เข้ามาใช้ในการเรียนรู้ เพื่อทำให้ชีวิตมีความสุขครอบครัวอบอุ่น โดยใช้ภาวะสงบหรือทรานซ์มาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์
Trance คือ ภาวะสงบ ที่เราจดจ่ออยู่ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างลึกซึ้ง คนอาจเข้าทรานซ์ในระหว่างขับรถ แล้วกลับถึงบ้านโดยแทบไม่ได้สังเกตเห็นว่าตัวเองขับรถมายังไง เพราะจดจ่ออยู่กับความคิดบางอย่าง
ทรานซ์ถูกนำมาใช้เป็นฐานในการทำงานกับจิตใต้สำนึกในหลายๆ ด้าน เช่น หยุดความเจ็บปวดแทนยาชาหรือยาสลบ ดังเช่นที่นิตยสารกราเซียได้ลงข่าวว่า “แคเธอรีน พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม แห่งราชบัลลังก์อังกฤษ อาจเลือกการสะกดจิตตอนคลอด เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดพระครรภ์ โดยไม่ต้องพึ่งยาสลบ โดยจะมีพระประสูติกาลในเดือน ก.ค.นี้ ทำให้เกิดแนวคิดล่าสุดว่า อาจจะมีการใช้วิธีสะกดจิต เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากการคลอด ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องพึ่งยาสลบ (HypnoBirthing)”
รายการโทรทัศน์ชั้นนำในต่างประเทศได้เผยแพร่การใช้เทคนิคทางจิตใต้สำนึก เพื่อประโยชน์ในการเลิกบุหรี่ หยุดการกลัวที่รุนแรง ช่วยคนที่เป็นซึมเศร้าให้ฝึกการคิดที่ดีงามอย่างเข้มแข็ง ช่วยให้คนทำเป้าหมายให้สำเร็จมานานมาก เนื่องจากการเห็นคนอื่นคลี่คลายและมีชีวิตใหม่ Mirror Neuron หรือเซลล์กระจกเงาในตัวเรา จะทำให้เราสามารถสัมผัสความรู้สึกนี้เช่นกัน การเผยแพร่ในวงกว้าง จึงทำให้คนได้ประโยชน์มากในวงกว้าง
แต่ผู้เขียนในฐานะของคนเอเชีย ที่ได้ศึกษาศาสตร์ต่างๆ ทั้งเอเชียและตะวันตก รวมถึงได้พบกับคนมานับไม่ถ้วนตลอดเวลา 17 ปี ที่ผู้เขียนสอนศาสตร์ด้านจิตใจ พบว่า รากของปัญหาอยู่ลึกลงไปกว่านั้น ในทางพุทธมีสิ่งหนึ่งชื่อ ทิฏฐาสวะ ที่เกิดจากการเลี้ยงดู อบรม ครอบครัว การศึกษา ที่บ่มให้คนมีความเชื่อ ความเห็น ที่เหนียวแน่นติดตัวมา (อ่านเพิ่มเติมเรื่องทิฏฐาสวะ จากหนังสือพุทธธรรมฉบับเดิม โดยท่านประยุทธ์ ปยุตฺโต (พระพรหมคุณาภรณ์))
ความเชื่อความเห็นผิดที่ลึกซึ้งนั้น จัดการได้ด้วยวิปัสสนา
แต่มีความเชื่อที่เบาบางกว่านั้น เช่น การเชื่อว่าตัวเองไม่เป็นที่รัก ไม่คู่ควรกับความสุข ความสำเร็จ เวลามีสิ่งดีดี ก็ทำให้สิ่งนั้นหายไป ผลักคนดีดีออกไปจากชีวิต เชิญคนไม่ดีเข้ามาเอาเปรียบตัวเอง ป่วยแบบไม่มีสาเหตุ ไม่กล้าออกไปลงมือทำความฝันให้สำเร็จ กอดและบอกรักคนในครอบครัวไม่สนิทซาบซึ้ง หงุดหงิดใส่พ่อแม่หรือคนที่ตัวเองรัก แล้วกลับมารู้สึกผิด
ความเชื่อทางโลกที่ไม่เป็นประโยชน์แบบเบาบางนี้ ผู้เขียนใช้หลักการเข็มทิศชีวิต โดยมีทรานซ์เป็นอุปกรณ์พากลับไปแก้ไข โดยเจ้าตัวเป็นคนทำเองทั้งหมด ผู้เขียนเป็นเพียงไกด์หรือที่ปรึกษาอยู่ใกล้ๆ เท่านั้น เช่น นักธุรกิจคนหนึ่ง ชื่อคุณศุภฤกษ์ มีชีวิตแบบที่กล่าวข้างต้นทั้งหมด รวมถึงการรักภรรยาแต่ทะเลาะกันรุนแรงมากและไม่เคยบอกรักกัน พอเขาย้อนคิดกลับไป พบว่า ภาพที่พ่อเคยใช้ความรุนแรงในบ้าน ล้มเหลวทางธุรกิจ เป็นหนี้ ทะเลาะกับแม่ ทุบตีเขาในยามที่เขาเป็นเด็ก ยังซ่อนอยู่ในความทรงจำ และเขากลับกลายเป็นคนที่ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบในพ่อ สิ่งนั้นกลับมาหลอกหลอนอยู่ในชีวิตของเขาเอง
ทันทีที่เขากลับไปเห็นใหม่ เห็นภาพพ่อที่โดนพี่น้องรังแกเหยียบย่ำถูกกดดัน ไม่เคยถูกบอกรัก จึงแสดงความรักไม่เป็น เห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่พ่อได้พยายามทำให้ครอบครัว แม้จะบอกรักไม่เป็น แต่ทั้งหมดนั้นคือคำว่ารัก จากการกระทำ
คุณศุภฤกษ์ กลับไปรัก ดูแลพ่อแม่ กราบเท้า กอดท่าน พาท่านไปเที่ยว เหมือนที่ท่านพาเขาไปตอนเขาเป็นเด็ก กลับไปกอดบอกรักภรรยา เหมือนเพิ่งตกหลุมรักกันใหม่ๆ ขยายธุรกิจโรงงานผลิตเสื้อยืดเพิ่ม เปิดธุรกิจขนมขบเคี้ยวตัวใหม่ ชื่อเศรษฐีน้อย มีชีวิตใหม่จากการเปลี่ยนความเชื่อ สิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าติดอยู่ในหัวของเขาตลอดมา

ทั้งหมดนี้ เราทุกคนสามารถเริ่มดูแลตัวเองได้ด้วยตัวเอง เหมือนออกกำลังกล้ามเนื้อความสุข คิดดีทำดี คิดถูกทำถูก ข้อมูลตัวอย่างต่างๆ นั้น ผู้เขียนรวบรวมไว้เป็นคลิปวิดีโอให้ศึกษาฟรีนับร้อยชิ้นใน www.youtube.com/compassnlpและหลักการให้อ่านเตือนใจทุกวันใน www.facebook.com/ddnard เฟซบุ๊ก เข็มทิศชีวิต ฐิตินาถ ณ พัทลุง
ขอให้ทุกคนมีความสุข มีชีวิตที่ดีงาม ขอขอบพระคุณ คุณหมอต่างๆ สื่อมวลชนต่างๆ และบริษัทผู้ผลิต ผู้โฆษณายาต่างๆ องค์กรต่างๆ ที่สนับสนุนแนวทางที่ผู้เขียนเผยแพร่ให้คนคิดถูกคิดมีความสุขได้เอง ด้วยการไม่ต้องใช้ยาเพียงอย่างเดียว โดยทุกคนไม่ได้ห่วงประโยชน์ส่วนตน แต่มีอุดมการณ์ร่วมกันที่จะทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีงามยอดเยี่ยมที่สุดได้ด้วยตนเอง

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิธีสร้างความสุขในการทำงาน เข็มทิศชีวิต


เข็มทิศแห่งงาน โดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง
 facebook: เข็มทิศชีวิต ฐิตินาถ ณ พัทลุง 

มีคนเขียนมาถามว่า 'ทำไมคนเราต้องทำงาน เบื่อบริษัท เบื่อเจ้านาย เบื่องาน

ถ้ามองดูดีดีจะพบว่า การทำงานคือการที่มีคนมาจ่ายเงินให้เราได้พัฒนาตัวเอง

 ไทเกอร์วู๊ดส์ ได้ทำสิ่งที่เขารัก ได้มีความสุขในการทำสิ่งที่ชอบ แล้วยังมีคนเอาเงินมาให้ จากการทำสิ่งนั้นด้วย

ในแต่ละงานที่เราทำ มีเรื่องใหม่ๆให้เราได้ค้นคว้า ศึกษาเรียนรู้ฝึกฝนตัวเอง ก่อนมอบประโยชน์ให้คนอื่น เราได้รับผลดีจากการเรียนรู้ก่อนใคร แล้วยังมีคนมาจ่ายเงินเดือนให้เราด้วย

ถ้าเรามองเห็นว่าเรามาปรากฏในโลกพร้อมด้วยความสามารถบางอย่าง ที่จะส่งมอบให้ชีวิตของคนหลายคนในโลกนี้สวยงามขึ้น เราทำงานเพราะเป็นวิถี ในการส่งมอบสิ่งดีงามในตัวของเรา เราจะทำงานด้วยความคิดสร้างสรรค์กระตือรือล้นมีความสุขทุกวัน

ผู้หญิงคนหนึ่งรักการทำขนม และเขียนอ่านหนังสือ เธอใช้ชีวิตในการเขียนตำราขนม ทำร้านขนมอร่อยๆที่มีคนมาต่อแถวกิน งานอดิเรกที่เป็นความสุขเป็นสิ่งที่เธอได้อยู่กับมันทุกวัน

หรืออีกคนรักการอ่านหนังสือ มีความสุขในการซื้อหนังสือมากองรอบตัว มีเวลานอนอ่านหนังสือไม่จำกัด รักการสอนการเล่าเรื่อง รักการมีเวลาไปภาวนาเพิ่มสติปัญญา แล้วเขาใช้ชีวิตในการเป็นนักเขียน นักบรรยายสร้างแรงบันดาลใจให้คน ได้อยู่ได้ทำได้ศึกษาสิ่งที่ตัวเองรัก  พอใจรักก็ขวนขวายพัฒนา เติบโตทางปัญญาให้ตัวเองได้ชื่นใจก่อนทุกวัน

ลองสังเกตุตัวเราว่าเรารักการทำอะไร มีความสุขเวลาทำอะไร แล้วเราสามารถทำสิ่งนั้นเป็นงานที่มีรายได้มาดูแลครอบครัวดูแลคนที่เรารักให้มีทางเลือกในชีวิตมากขึ้นได้อย่างไร

ผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าเธอรังเกียจการขาย การทำมาร์เก๊ตติ้ง เลยลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน วันหนึ่งสามีไปมีผู้หญิงใหม่ เธอไม่มีงาน ไม่มีเงิน อยากหอบลูกไปอยู่เมืองนอกก็ทำไม่ได้ขาดทางเลือกในชีวิต

การมองอย่างลึกซึ้งว่าเงินก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ ในการทำประโยชน์ ในการดูแลคนที่เรารักทำให้ชีวิตมีทางเลือก ไม่วิ่งไล่ล่าเงิน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเงิน เพราะในความจริงแล้วในฐานะของผู้ครองเรือนการปฏิเสธก็เป็นการยึดติดในอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

เลือกทำสิ่งที่เรารักอย่างลึกซึ้ง มองสิ่งแวดล้อมภายนอกและภายในอย่างฉลาด ทำสิ่งดีดีอย่างพอดีในเวลาที่เหมาะสม ส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเราอย่างเต็มที่แล้วปล่อยวางในผล

มีหลายคน ไม่อนุุญาตให้ตัวเองเจริญก้าวหน้า เพราะมีความเชื่อว่า ความมั่งคั่งคือการขายวิญญาณ ไม่มีอุดมการณ์ ภายหลังเธอพบว่า การเลือกเป็นลูกน้องเป็นแบ๊คกราวด์ ทำให้เธอไม่มีสิทธิ์เลือกกำหนดทิศทางของบริษัทในการทำสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อเธอเริ่มมองใหม่ว่าการเปลี่ยนความเชื่อการยอมรับความสำเร็จที่มาจากผลของการทำสิ่งดีดี อย่างชอบธรรม เธอจึงอนุญาตให้ตัวเองเปิดใจรับความสำเร็จ แล้วความเจริญก้าวหน้าจึงสามารถปรากฏขึ้นได้ในชีวิต

หลายครั้งที่คนเราต้องมีเวลาตรวจสอบความเชื่อและ ความขัดแย้งภายในตัวเอง เช่น ผู้ชายคนหนึ่งอยากมีความมั่นคงทางการเงินให้ครอบครัว แต่ส่วนลึกในจิตใต้สำนึกเชื่อว่า ถ้ารวยจะไม่มีเวลาให้ครอบครัว (ทั้งที่ในปัจจุบันต้องหาเงินจนไม่มีเวลาให้ครอบครัวอยู่แล้ว)และไม่อยากเกินหน้าพ่อ
ในห้องเรียนเข็มทิศจิตใต้สำนึก เขาได้เปลี่ยนความเชื่อที่เคยขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของตัวเอง มาเป็นความเชื่อที่ทำให้ตัวเองได้ทำสิ่งดีดีที่ตัวเองรักอย่างเต็มที่ ได้ดูแลครอบครัวที่ตัวเองรักทั้งในเรื่องเวลาและวิถีชีวิต ลูกได้ไปโรงเรียนดีดี พ่อแม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่คู่ควร

ให้เวลาทบทวนท่าทีมุมมองที่เราอาจไม่ได้นึกถึง ทัศนคติที่เรามีต่องาน ต่อความก้าวหน้า ต่อมิติด้านต่างๆในชีวิต แล้วเราอาจจะประหลาดใจที่พบว่า เหตุการณ์และผู้คนต่างๆที่ปรากฏขึ้นในชีวิตของเราเป็นภาพสะท้อนของความเชื่อ ที่อยู่ในใจส่วนที่ลึกที่สุดของตัวเราเอง
โพสต์ทูเดย์ ตุลาคม 2011