เคยเห็นไหมว่าคนดีดีจำนวนมาก ที่โกรธตัวเอง ลงโทษตัวเอง คิดว่าถ้าตัวเอง น่ารักกว่านี้ เก่งกว่านี้ ทำได้ดีกว่านี้ คนที่เขารักจะไม่จากไป หรือ พ่อแม่จะไม่เลิกกัน สิ่งที่ไม่ดีจะไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา จมอยู่กับความรู้สึกผิด ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
ลองคิดดูสิว่าคนไม่ดีจะไม่มีทางคิดแบบนั้น
คนดีดีเด็กน่ารักที่ดีที่สุดเท่านั้น ที่จะคิดรับผิดชอบกับชีวิตผู้ใหญ่แทนผู้ใหญ่ในครอบครัว
หลายคนเก็บความรู้สึกผิดไว้ จนมีอาการซึมเศร้า บางคนอารมณ์ขึ้นลงรุนแรง
บางคนไม่อนุญาตให้ตัวเองมีความรัก ประสบความสำเร็จ มีความสุข
บางคนวิ่งเข้าหาคนไม่ดี วิ่งหนีคนดีดี
บางคนพอจะทำอะไรสำเร็จก็หยุดเสียกลางคัน ไม่เคยไปสู่จุดที่สูงที่สุดของแต่ละอย่างที่ทำ
การดึงสิ่งไม่ดีเข้ามาในชีวิต มาจากความรู้สึกผิด ลงโทษตัวเอง โดยไม่รู้ตัว
จากเข็มทิศชีวิตเล่ม7
เข็มทิศชีวิต Nlp neuro-linguistic programming
เข็มทิศจิตใต้สำนึก
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ปลดล็อกคลายปม จิตใต้สำนึก
โดย...ฐิตินาถ ณ พัทลุง www.facebook.com/ddnard ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
ผู้เขียนเพิ่งไปออกรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย โดยทีมงานมีความตั้งใจว่า อยากให้คนไทยทั่วประเทศ กลับมาดูแลครอบครัว รักพ่อแม่ลูก พูดคุยกันไม่สร้างปมในใจให้กัน พร้อมกับสามารถกลับเข้าไปทำความเข้าใจเหตุการณ์ในอดีต ที่เป็นปมในชีวิตของตนเองได้ มีความสุข ได้ประโยชน์ ได้ข้อคิด ผ่านหน้าจอทีวี
เมื่อเกือบสิบปีมาแล้ว ดร.มาติน เซลิกแมน นายกสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ประกาศต่อหน้าที่ประชุมของสมาคมว่า “ข้อความที่เราจะสื่อสารกับประชาชน คือ เราจะเริ่มกระแสใหม่ วิชาจิตวิทยาจะไม่ใช่เพียงแค่การศึกษาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บทางจิต ความอ่อนแอ และความบกพร่องทางใจอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงความแข็งแรงและความงดงามคุณลักษณะที่ดีของมนุษย์” “การฝึกมองแง่บวก สามารถลดภาวะซึมเศร้าในเด็กและผู้ใหญ่ได้” “ เราจะหยุดหมกมุ่นกับการแก้ปัญหาซ่อมเพ่งเล็งไปยังจุดที่แย่ที่สุดของมนุษย์ แต่จะมองไปที่การทำให้ด้านที่ดีงามในตัวของคนเข้มแข็งขึ้น”
การหันมาช่วยให้คนมีวิธีคิดและมุมมองที่ถูกต้องดีงาม ช่วยลดความเครียด ลดการใช้ยาคลายเครียด ทำให้คนมีความสุขในชีวิต ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยผู้เขียนได้ทำคลิปสอนการจัดการกับระบบประสาท จิตใต้สำนึก ด้วยเทคนิคต่างๆ ที่นำหลักการเข็มทิศชีวิตมาประกอบกับวิทยาศาสตร์จิตใต้สำนึกที่ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในต่างประเทศมาตลอด 50 ปีที่ผ่านมา โดยจัดให้คนได้เรียนทางไกลฟรีทางช่องยูทูบ และในดีวีดีประกอบหนังสือ เข็มทิศชีวิต 5 มั่งคั่ง ซึ่งมีคนหลายล้านคนได้เข้ามาใช้ในการเรียนรู้ เพื่อทำให้ชีวิตมีความสุขครอบครัวอบอุ่น โดยใช้ภาวะสงบหรือทรานซ์มาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์
Trance คือ ภาวะสงบ ที่เราจดจ่ออยู่ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างลึกซึ้ง คนอาจเข้าทรานซ์ในระหว่างขับรถ แล้วกลับถึงบ้านโดยแทบไม่ได้สังเกตเห็นว่าตัวเองขับรถมายังไง เพราะจดจ่ออยู่กับความคิดบางอย่าง
ทรานซ์ถูกนำมาใช้เป็นฐานในการทำงานกับจิตใต้สำนึกในหลายๆ ด้าน เช่น หยุดความเจ็บปวดแทนยาชาหรือยาสลบ ดังเช่นที่นิตยสารกราเซียได้ลงข่าวว่า “แคเธอรีน พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม แห่งราชบัลลังก์อังกฤษ อาจเลือกการสะกดจิตตอนคลอด เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดพระครรภ์ โดยไม่ต้องพึ่งยาสลบ โดยจะมีพระประสูติกาลในเดือน ก.ค.นี้ ทำให้เกิดแนวคิดล่าสุดว่า อาจจะมีการใช้วิธีสะกดจิต เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากการคลอด ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องพึ่งยาสลบ (HypnoBirthing)”
รายการโทรทัศน์ชั้นนำในต่างประเทศได้เผยแพร่การใช้เทคนิคทางจิตใต้สำนึก เพื่อประโยชน์ในการเลิกบุหรี่ หยุดการกลัวที่รุนแรง ช่วยคนที่เป็นซึมเศร้าให้ฝึกการคิดที่ดีงามอย่างเข้มแข็ง ช่วยให้คนทำเป้าหมายให้สำเร็จมานานมาก เนื่องจากการเห็นคนอื่นคลี่คลายและมีชีวิตใหม่ Mirror Neuron หรือเซลล์กระจกเงาในตัวเรา จะทำให้เราสามารถสัมผัสความรู้สึกนี้เช่นกัน การเผยแพร่ในวงกว้าง จึงทำให้คนได้ประโยชน์มากในวงกว้าง
แต่ผู้เขียนในฐานะของคนเอเชีย ที่ได้ศึกษาศาสตร์ต่างๆ ทั้งเอเชียและตะวันตก รวมถึงได้พบกับคนมานับไม่ถ้วนตลอดเวลา 17 ปี ที่ผู้เขียนสอนศาสตร์ด้านจิตใจ พบว่า รากของปัญหาอยู่ลึกลงไปกว่านั้น ในทางพุทธมีสิ่งหนึ่งชื่อ ทิฏฐาสวะ ที่เกิดจากการเลี้ยงดู อบรม ครอบครัว การศึกษา ที่บ่มให้คนมีความเชื่อ ความเห็น ที่เหนียวแน่นติดตัวมา (อ่านเพิ่มเติมเรื่องทิฏฐาสวะ จากหนังสือพุทธธรรมฉบับเดิม โดยท่านประยุทธ์ ปยุตฺโต (พระพรหมคุณาภรณ์))
ความเชื่อความเห็นผิดที่ลึกซึ้งนั้น จัดการได้ด้วยวิปัสสนา
แต่มีความเชื่อที่เบาบางกว่านั้น เช่น การเชื่อว่าตัวเองไม่เป็นที่รัก ไม่คู่ควรกับความสุข ความสำเร็จ เวลามีสิ่งดีดี ก็ทำให้สิ่งนั้นหายไป ผลักคนดีดีออกไปจากชีวิต เชิญคนไม่ดีเข้ามาเอาเปรียบตัวเอง ป่วยแบบไม่มีสาเหตุ ไม่กล้าออกไปลงมือทำความฝันให้สำเร็จ กอดและบอกรักคนในครอบครัวไม่สนิทซาบซึ้ง หงุดหงิดใส่พ่อแม่หรือคนที่ตัวเองรัก แล้วกลับมารู้สึกผิด
ความเชื่อทางโลกที่ไม่เป็นประโยชน์แบบเบาบางนี้ ผู้เขียนใช้หลักการเข็มทิศชีวิต โดยมีทรานซ์เป็นอุปกรณ์พากลับไปแก้ไข โดยเจ้าตัวเป็นคนทำเองทั้งหมด ผู้เขียนเป็นเพียงไกด์หรือที่ปรึกษาอยู่ใกล้ๆ เท่านั้น เช่น นักธุรกิจคนหนึ่ง ชื่อคุณศุภฤกษ์ มีชีวิตแบบที่กล่าวข้างต้นทั้งหมด รวมถึงการรักภรรยาแต่ทะเลาะกันรุนแรงมากและไม่เคยบอกรักกัน พอเขาย้อนคิดกลับไป พบว่า ภาพที่พ่อเคยใช้ความรุนแรงในบ้าน ล้มเหลวทางธุรกิจ เป็นหนี้ ทะเลาะกับแม่ ทุบตีเขาในยามที่เขาเป็นเด็ก ยังซ่อนอยู่ในความทรงจำ และเขากลับกลายเป็นคนที่ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบในพ่อ สิ่งนั้นกลับมาหลอกหลอนอยู่ในชีวิตของเขาเอง
ทันทีที่เขากลับไปเห็นใหม่ เห็นภาพพ่อที่โดนพี่น้องรังแกเหยียบย่ำถูกกดดัน ไม่เคยถูกบอกรัก จึงแสดงความรักไม่เป็น เห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่พ่อได้พยายามทำให้ครอบครัว แม้จะบอกรักไม่เป็น แต่ทั้งหมดนั้นคือคำว่ารัก จากการกระทำ
คุณศุภฤกษ์ กลับไปรัก ดูแลพ่อแม่ กราบเท้า กอดท่าน พาท่านไปเที่ยว เหมือนที่ท่านพาเขาไปตอนเขาเป็นเด็ก กลับไปกอดบอกรักภรรยา เหมือนเพิ่งตกหลุมรักกันใหม่ๆ ขยายธุรกิจโรงงานผลิตเสื้อยืดเพิ่ม เปิดธุรกิจขนมขบเคี้ยวตัวใหม่ ชื่อเศรษฐีน้อย มีชีวิตใหม่จากการเปลี่ยนความเชื่อ สิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าติดอยู่ในหัวของเขาตลอดมา
ทั้งหมดนี้ เราทุกคนสามารถเริ่มดูแลตัวเองได้ด้วยตัวเอง เหมือนออกกำลังกล้ามเนื้อความสุข คิดดีทำดี คิดถูกทำถูก ข้อมูลตัวอย่างต่างๆ นั้น ผู้เขียนรวบรวมไว้เป็นคลิปวิดีโอให้ศึกษาฟรีนับร้อยชิ้นใน www.youtube.com/compassnlpและหลักการให้อ่านเตือนใจทุกวันใน www.facebook.com/ddnard เฟซบุ๊ก เข็มทิศชีวิต ฐิตินาถ ณ พัทลุง
ขอให้ทุกคนมีความสุข มีชีวิตที่ดีงาม ขอขอบพระคุณ คุณหมอต่างๆ สื่อมวลชนต่างๆ และบริษัทผู้ผลิต ผู้โฆษณายาต่างๆ องค์กรต่างๆ ที่สนับสนุนแนวทางที่ผู้เขียนเผยแพร่ให้คนคิดถูกคิดมีความสุขได้เอง ด้วยการไม่ต้องใช้ยาเพียงอย่างเดียว โดยทุกคนไม่ได้ห่วงประโยชน์ส่วนตน แต่มีอุดมการณ์ร่วมกันที่จะทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีงามยอดเยี่ยมที่สุดได้ด้วยตนเอง
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
วิธีสร้างความสุขในการทำงาน เข็มทิศชีวิต
เข็มทิศแห่งงาน โดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง
facebook: เข็มทิศชีวิต ฐิตินาถ ณ พัทลุง
มีคนเขียนมาถามว่า 'ทำไมคนเราต้องทำงาน เบื่อบริษัท เบื่อเจ้านาย เบื่องาน”
ถ้ามองดูดีดีจะพบว่า การทำงานคือการที่มีคนมาจ่ายเงินให้เราได้พัฒนาตัวเอง
ไทเกอร์วู๊ดส์ ได้ทำสิ่งที่เขารัก ได้มีความสุขในการทำสิ่งที่ชอบ แล้วยังมีคนเอาเงินมาให้ จากการทำสิ่งนั้นด้วย
ในแต่ละงานที่เราทำ มีเรื่องใหม่ๆให้เราได้ค้นคว้า ศึกษาเรียนรู้ฝึกฝนตัวเอง ก่อนมอบประโยชน์ให้คนอื่น เราได้รับผลดีจากการเรียนรู้ก่อนใคร แล้วยังมีคนมาจ่ายเงินเดือนให้เราด้วย
ถ้าเรามองเห็นว่าเรามาปรากฏในโลกพร้อมด้วยความสามารถบางอย่าง ที่จะส่งมอบให้ชีวิตของคนหลายคนในโลกนี้สวยงามขึ้น เราทำงานเพราะเป็นวิถี ในการส่งมอบสิ่งดีงามในตัวของเรา เราจะทำงานด้วยความคิดสร้างสรรค์กระตือรือล้นมีความสุขทุกวัน
ผู้หญิงคนหนึ่งรักการทำขนม และเขียนอ่านหนังสือ เธอใช้ชีวิตในการเขียนตำราขนม ทำร้านขนมอร่อยๆที่มีคนมาต่อแถวกิน งานอดิเรกที่เป็นความสุขเป็นสิ่งที่เธอได้อยู่กับมันทุกวัน
หรืออีกคนรักการอ่านหนังสือ มีความสุขในการซื้อหนังสือมากองรอบตัว มีเวลานอนอ่านหนังสือไม่จำกัด รักการสอนการเล่าเรื่อง รักการมีเวลาไปภาวนาเพิ่มสติปัญญา แล้วเขาใช้ชีวิตในการเป็นนักเขียน นักบรรยายสร้างแรงบันดาลใจให้คน ได้อยู่ได้ทำได้ศึกษาสิ่งที่ตัวเองรัก พอใจรักก็ขวนขวายพัฒนา เติบโตทางปัญญาให้ตัวเองได้ชื่นใจก่อนทุกวัน
ลองสังเกตุตัวเราว่าเรารักการทำอะไร มีความสุขเวลาทำอะไร แล้วเราสามารถทำสิ่งนั้นเป็นงานที่มีรายได้มาดูแลครอบครัวดูแลคนที่เรารักให้มีทางเลือกในชีวิตมากขึ้นได้อย่างไร
ผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าเธอรังเกียจการขาย การทำมาร์เก๊ตติ้ง เลยลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน วันหนึ่งสามีไปมีผู้หญิงใหม่ เธอไม่มีงาน ไม่มีเงิน อยากหอบลูกไปอยู่เมืองนอกก็ทำไม่ได้ขาดทางเลือกในชีวิต
การมองอย่างลึกซึ้งว่าเงินก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ ในการทำประโยชน์ ในการดูแลคนที่เรารักทำให้ชีวิตมีทางเลือก ไม่วิ่งไล่ล่าเงิน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเงิน เพราะในความจริงแล้วในฐานะของผู้ครองเรือนการปฏิเสธก็เป็นการยึดติดในอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
เลือกทำสิ่งที่เรารักอย่างลึกซึ้ง มองสิ่งแวดล้อมภายนอกและภายในอย่างฉลาด ทำสิ่งดีดีอย่างพอดีในเวลาที่เหมาะสม ส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเราอย่างเต็มที่แล้วปล่อยวางในผล
มีหลายคน ไม่อนุุญาตให้ตัวเองเจริญก้าวหน้า เพราะมีความเชื่อว่า ความมั่งคั่งคือการขายวิญญาณ ไม่มีอุดมการณ์ ภายหลังเธอพบว่า การเลือกเป็นลูกน้องเป็นแบ๊คกราวด์ ทำให้เธอไม่มีสิทธิ์เลือกกำหนดทิศทางของบริษัทในการทำสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อเธอเริ่มมองใหม่ว่าการเปลี่ยนความเชื่อการยอมรับความสำเร็จที่มาจากผลของการทำสิ่งดีดี อย่างชอบธรรม เธอจึงอนุญาตให้ตัวเองเปิดใจรับความสำเร็จ แล้วความเจริญก้าวหน้าจึงสามารถปรากฏขึ้นได้ในชีวิต
หลายครั้งที่คนเราต้องมีเวลาตรวจสอบความเชื่อและ ความขัดแย้งภายในตัวเอง เช่น ผู้ชายคนหนึ่งอยากมีความมั่นคงทางการเงินให้ครอบครัว แต่ส่วนลึกในจิตใต้สำนึกเชื่อว่า ถ้ารวยจะไม่มีเวลาให้ครอบครัว (ทั้งที่ในปัจจุบันต้องหาเงินจนไม่มีเวลาให้ครอบครัวอยู่แล้ว)และไม่อยากเกินหน้าพ่อ
ในห้องเรียนเข็มทิศจิตใต้สำนึก เขาได้เปลี่ยนความเชื่อที่เคยขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของตัวเอง มาเป็นความเชื่อที่ทำให้ตัวเองได้ทำสิ่งดีดีที่ตัวเองรักอย่างเต็มที่ ได้ดูแลครอบครัวที่ตัวเองรักทั้งในเรื่องเวลาและวิถีชีวิต ลูกได้ไปโรงเรียนดีดี พ่อแม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่คู่ควร
ให้เวลาทบทวนท่าทีมุมมองที่เราอาจไม่ได้นึกถึง ทัศนคติที่เรามีต่องาน ต่อความก้าวหน้า ต่อมิติด้านต่างๆในชีวิต แล้วเราอาจจะประหลาดใจที่พบว่า เหตุการณ์และผู้คนต่างๆที่ปรากฏขึ้นในชีวิตของเราเป็นภาพสะท้อนของความเชื่อ ที่อยู่ในใจส่วนที่ลึกที่สุดของตัวเราเอง
โพสต์ทูเดย์ ตุลาคม 2011
วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554
เข็็มทิศชีวิตดีดี
เข็มทิศชีวิตดีดี โดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง นสพ โพสต์ทูเดย์ 3เมษายน 2554 HYPERLINK "http://www.compassNLP.com/"www.compassNLP.com Facebook: เข็มทิศชีวิต ฐิตินาถ ณ พัทลุง
จำตอนที่เรายังเด็ก ตอนที่เราวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน วิ่งๆๆ ไปบนทุ่งหญ้า ทุ่งนา หาดทราย สนามหญ้าหน้าบ้าน จำตอนที่ลมพัดสัมผัสผิว ตอนที่ใจเรารู้สึกกล้าหาญ วิ่งๆไปในชีวิต ตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้ ได้ลองสิ่งใหม่ๆ ที่เราเรียกว่าเล่น จนลืมวันลืมคืน สนุกจนลืมเวลา หกล้มก็ลุกขึ้นใหม่ ปราสาททรายพังก็ก่อใหม่ หาเรื่องเล่นใหม่ๆได้ทุกวัน สนุกกับก้อนดินกองทราย ขำได้กับทุกอย่าง แค่คนมาเอามือปิดตา พอเปิดตาแล้วร้องว่าจ๊ะเอ๋ เราตัวน้อยก็หัวเราะลงลูกคอขำได้ซำ้แล้วซำ้อีก
แต่พอเราโตขึ้นมีของมากขึ้น เรากลับหัวเราะยากขึ้น มีความสุขน้อยลง ถูกโปรแกรมจากรอบด้าน จนบางครั้ง บางคนลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยมีความสุขอย่างไรเคยเคลื่อนไหว ทำ พูดคิด อย่างไร ตอนทำบางอย่างสำเร็จ ตอนที่สนุกกับการทำบางอย่างจนลืมเวลา ตอนที่เป็นที่รัก เป็นความหมาย ที่แท้จริง ของใครบางคน
ในหลักสูตรเข็มทิศจิตใต้สำนึกฉบับย่อ 2วัน หลายคนพบว่าไม่สามารถเข้าถึง นึกไม่ออกถึงตอนที่ตัวเองมีความสุข ตอนที่ทำบางอย่างสำเร็จ เป็นที่รัก แต่กลับจำเรื่อง คำพูด เหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกตัวเล็กลง เสียศรัทธาต่อโลกต่อตนเอง ได้อย่างชัดเจน
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกเพราะสิ่งที่เป็นโทษ เหมือนแผ่นเพลงที่ถูกนำมาเล่น มาเปิดดูเปิดฟังในหัวซำ้แล้วซำ้อีกจนจำได้ขึ้นใจ
หลายคนมาพร้อมคำพูดด้านลบที่บั่นทอนชีวิตตัวเองอย่างมากมาย เสียงในหัวที่ดึงตัวเองขังตัวเองไว้ในที่ๆไม่ต้องการ
หลายคนมาอย่างไม่เชื่อว่าเพียงชั่วข้ามคืน จะเกิดอะไรขึ้นได้ในชีวิต โดยลืมไปว่า ตอนที่จิตใต้สำนึกบันทึกเรื่องที่บั่นทอน ใช้เวลาแค่ชั่วขณะเดียว เร็วกว่าสายฟ้าฟาด ที่คำพูดบางคำ บางประโยค ภาพบางภาพ เหตุการณ์บางอย่างจะมีผลครอบงำชีวิตตลอดมา
นักวิทยาศาสตร์ทางจิตใต้สำนึก พบว่า เราต้องการเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ที่เกิด Brain Pattern Interruption เกิดการขัดจังหวะของรูปแบบในจิตใต้สำนึก ที่ทำให้เกิดการ shift การพลิกมุมมองความเชื่อความรู้สึกทั้งหมดของเรา
หรือเกิดการเห็นที่พิเศษในขณะที่คลื่นสมองผ่อนคลายลงในระดับ อัลฟา หรือธีตา เพียงขณะเดียวเท่านั้น ก็พอเพียงที่จะเปลี่ยนการตีความต่อโลก มุมมองการมองโลกในเรื่องนั้นๆของเราให้เป็นประโยชน์มีพลังได้ตลอดไป
คนหนึ่งซึ่งประสบความสำเร็จมีความสุขในชีวิต ตอนที่ถูกพากลับไปในอดีต ที่มีผลต่อชีวิตของเขาในปัจจุบัน ภาพตัวเองตอน ป.3 เพิ่งหัดขี่จักรยาน แบบถอดล้อเลี้ยงเล็กๆด้านข้าง แม่ให้ไปซื้อมะพร้าวขูดในหมู่บ้าน เด็กตัวน้อยภูมิใจ ปั่นจักรยานคันน้อย คิดวางแผนตัดสินใจ เลือกเส้นทางเล็กๆที่ปลอดภัยและสามารถเอามะพร้าวกลับมาให้แม่คั้นกะทิทำขนมได้เร็วที่สุด นับเงินทอนกลับมาให้ครบมัดยางผูกเป็นปมไว้ในกระเป๋ากางเกงขาสั้น ยิ่งถ้าวันไหนต้องไปซื้อหลายอย่างจนแม่ต้องจด แล้วหนูน้อยต้องตัดสินใจว่าจะไปที่ไหนก่อนจึงจะเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยเอาของกลับมาให้แม่ได้เร็วที่สุด ก็จะยิ่งภูมิใจเป็นพิเศษ สายตาแม่ที่มอบความไว้วางใจให้ อยู่ในใจเขาตลอดมา
พอมองย้อนกลับไปก็เห็นได้ว่า ความสุข ความสำเร็จ ความมั่นคงทางใจ ที่ทำให้ผ่านอุปสรรคทุกอย่างมาได้ด้วยดีจนถึงวันนี้ เป็นภาพสะท้อน ที่เกิดจากเหตุการณ์เล็กๆ บนจักรยานเล็กๆในอำเภอเล็กๆของเด็กน้อยที่ภาคภูมิใจในตัวเอง
เราทุกคนสามารถเลือกใช้ความทรงจำวัยเด็กที่สงบสุข และลดผลของบางเหตุการณ์ลงด้วยการเข้าไปในภาวะที่สมองผ่อนคลาย กลับไปคลี่คลายบางเหตุการณ์ที่ไม่ให้พลังกับชีวิตด้วยมุมมองใหม่ความเข้าใจใหม่ของผู้ใหญ่ จนสิ่งนั้นจางจากการกำหนดกรอบความคิด อุปนิสัยและพฤติกรรมของเรา
ทุกคนมีสิ่งดีงามมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต เราจึงมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ ด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของคนบางคน
เราแต่ละคนเกิดมาพร้อมสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเอง เหตุการณ์ต่างๆมาเพื่อให้เราได้ยกระดับสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเองนี้ ทำประโยชน์ให้โลก ให้เกิดความปิติยินดีในชีวิตผู้คน เมื่อใดที่เราล้า รีบจำให้ได้ว่าเรามีเวลาที่ดีขนาดไหน นึกถึงรอยยิ้มที่เราสร้างในชีวิตผู้คน สิ่งดีๆที่เราเคยทำ ทำได้ จำให้ได้ว่าเราเกิดมาเพื่อทำอะไร จะทิ้งอะไรไว้ในโลกนี้ เคยหัวเราะยังไงลองหัวเราะดู เคยเคลื่อนไหว ทำ คิด พูดอย่างไร ตอนเป็นที่รัก ทำบางอย่างได้สำเร็จ ตัดสินใจถูกต้อง เรารู้สึกอย่างไร
ชีวิตเป็นของเรา เลือกชีวิตอย่างรู้ตัว เลือกสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์มาใช้ ให้เราเป็นเราที่ดีที่สุด ยิ่งกว่าที่เราเคยคิดว่าเราสามารถเป็น ทำให้ตัวเองประหลาดใจ กับสิ่งดีๆยิ่งใหญ่ที่เรามอบให้โลกนี้ได้ เป็นเราที่ดีที่สุดที่เราเป็น
หลักสูตรเข็มทิศจิตใต้สำนึกรุ่นต่อไป
เป็นหลักสูตร7วัน เข็มทิศจิตใต้สำนึก NLP ฉบับสมบูรณ์ Licensed Practitioner of Neuro-Linguistic
Programming จัดวันที่ 2-7 พฤษภาคม 2554
หลักสูตร 2วัน 28-29 พฤษภาคม 2554 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.compassnlp.com
วันที่ 2-8พค54 และ ,28-29 พค 54โทร 089 892 0440 www.compassNLP.com
วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554
หลักสูตรเข็มทิศจิตใต้สำนึก เต็มรูปแบบ 7วัน
วันเปิดหลักสูตร เข็มทิศจิตใต้สำนึก
จากการอบรมที่ผ่านมาหลายคนได้พบความมหัศจรรย์ของจิตใต้สำนึก ที่ทำให้กลับไปคลี่คลายสิ่งที่ฝังอยู่ภายในใจทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว กลับไปเห็นสิ่งที่ผ่านมาอย่างแจ่มชัด ในมุมมองใหม่ด้วยประสบการณ์ใหม่ ที่ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากสิ่งที่เคยฝังรากลึกลงไป เข้าไปเห็นตัวเองที่เป็นเราที่ดีที่สุดในระดับความรู้สึกตัวทั้งหมด เปิดความเป็นไปได้ทั้งหมดในชีวิตอย่างแท้จริง ภายในเวลาเพียงข้ามคืน
จากคนที่เคยวิตกกังวลว่า”
ฉันจะหาเงินมาจ่ายบิลจากที่ไหน
ฉันชอบอะไร
ฉันทำอะไรไม่เก่ง
ทำไมฉันไม่รู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงเหมือนคนอื่น
คนอื่นทำได้ฉันคงทำไม่ได้หรอก
เรื่องดีๆแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นกับฉันหรอก
ฉันไม่กล้า
ทำไปก็ไม่สำเร็จ
คุณอ้อยคงทำได้ คนเดียว
มีคนแค่ไม่กี่คนหรอกที่ทำได้ ไม่ใช่ฉัน
ความรักที่แท้จริงไม่มีหรอก
ทำไมคนๆนั้นเขาเป็นที่รักเป็นแสงสว่างเป็นความหมายทั้งหมดของคนรักของเขาเราคงไม่เจอคนดีๆแบบนั้นหรอก
คนดีๆมีจริงหรือ
ชีวิตฉันมีความหมายอะไรกับใครบ้างนี่”
คำพูดด้านลบที่เคยเพ่นพ่าน มามีอิทธิพลในชีวิต ทำให้ไม่ได้ทำสิ่งที่ควรทำ แล้วไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำ ถูกจับตัวไว้ จำกัดพื้นที่ กลายเป็นเสียงตัวตลก ที่น่าขัน ทำให้สลายอ่อนแรงหมดความหมายลงไป
แล้วแทนที่ด้วยการเห็นที่มหัศจรรย์ที่ไม่ต้องมีคำพูดของใครมาบอก แต่เกิดในภาวะพิเศษ ที่นักวิทยาศาสตร์ทางจิตใต้สำนึกเรียกว่าเป็นภาวะที่คลื่นสมองผ่อนคลายลง ในระดับอัลฟา และธีตา ที่การเรียนรู้การเห็นการค้นพบความจริงบางอย่าง จะ IMPRINT ฝังรอยลึกภาวะการเป็นเราที่ดีที่สุดที่อยู่ในเราเสมอมา ลงในจิตใต้สำนึก ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
หลายครั้งที่การโปรแกรมจากครอบครัว โรงเรียน สังคม อาจทำให้คนบางคนหลงลืมว่าตัวเองเคยมีความสุข เคยทำบางอย่างได้สำเร็จอย่างยอดเยี่ยม เคยเป็นที่รักของใครบางคนอย่างไม่มีเงื่อนไข เคยสนุกอย่างร่าเริงในตอนเด็กๆ เคยสนใจเล่น เรียนรู้สิ่งใหม่ๆจนลืมเวลา เคยวิ่งไปในชีวิตด้วยหัวใจของเด็กๆที่ไม่มีความกลัวอะไร มีแต่ความกล้าหาญ อยากสัมผัส เรียนรู้โลก มีความสุข เวลามีใครมาจ๊ะเอ๋เราก็หัวเราะได้เป็นชั่วโมงๆ หัวเราะเริงร่ากับเรื่องที่ผู้ใหญ่มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แบบการเล่นขำๆ เวลาผ่านไป เติบโตขึ้นมีของมากขึ้น แต่มีความสุขยากขึ้น เสียงหัวเราะน้อยลง
ระหว่างการเปิดจิตใต้สำนึกตัวเองหลายคนลืมไปแล้วว่าเคยมีความสุขครั้งสุดท้ายเมื่อไร เคยยิ้มเคยหัวเราะอย่างไร เคยเคลื่อนไหว ทำพูดคิดอย่างไร ตอนที่ตัวเองเป็นที่รักที่สุด ทำบางอย่างสำเร็จ อย่างงดงาม
หลายคนคิดเรื่องดีๆ ความรู้สึก พลังดีๆในชีวิตไม่ออก เห็นแต่ภาพที่ตัวเองหมดพลัง เจอคนร้ายๆเจอเรื่องร้ายๆ จนในที่สุดก็ลืม ว่าตัวเองสามารถเป็นเราที่ดีที่สุดได้อย่างไร
การฝึกเพียงชั่วข้ามคืนที่ทำให้เริ่มต้นได้พบศักยภาพสูงสุดที่อยู่ในตัวเองเสมอมา ทำให้เกิดความต้องการเรียนรู้วิธีดูแลรักษาจิตใต้สำนึกของตัวเองให้จบหลักสูตร มีความชำนาญพอที่จะดูแลตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและช่วยคนอื่นได้มากขึ้น จึงได้มีการขอให้ครูอ้อยเปิดหลักสูตรฉบับเต็ม เป็นระยะเวลา 7 วันขึ้นทันที
โดยหลักสูตรจิตใต้สำนึกฉบับเต็ม 7 วัน จะเป็นหลักสูตรสมบูรณ์ที่ผสานความเข้าใจ และการบริหารจัดการชีวิตอย่างลึกซึ้ง อย่างมีเข็มทิศ ให้เราได้ตรวจสอบอย่างลึกซึ้ง ว่าเรากำลังพาตัวเองไปที่ไหน เป็นที่ที่ชีวิตเราต้องการอย่างแท้จริงหรือเปล่า ตลอดเส้นทางมีความหมายกับชีวิตเราอย่างไร ความท้าทายที่เกิดขึ้นในระหว่างเดินจะถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นสิ่งสร้างสรรค์ในชีวิตได้อย่างไร ผสานกับเทคโนโลยีทางจิตใต้สำนึกระดับโลก อย่าง NLP Neuro-linguistic Programming ที่ถูกนำมาใช้ สอดแทรกในงานเขียน งานฝึกอบรม งานที่ปรึกษา ของไลฟ์โค้ชทั่วโลก
หลักสูตรนี้มีชื่อตามไลเซนส์ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกอย่างเป็นทางการว่า Licensed Practitioner of Neuro-Linguistic Programming (TM)
จะจัดที่กรุงเทพ ผู้เข้าอบรมทุกคนเมื่อศึกษาจนจบหลักสูตร7วันจะได้รับใบประกาศณียบัตร ที่ลงนามด้วยมือของ ดร.แบนด์เลอร์ผู้คิดค้นศาสตร์ เอ็นแอลพี โดยมีอาจารย์ผู้สอน จากต่างประเทศที่ได้รับการฝึกโดยตรงจาก ดร.แบนด์เลอร์ เช่นเดียวกับครูอ้อย เดินทางมาช่วยสอนร่วมกับครูอ้อย โดยมีล่ามแปลเป็นไทยตลอดรายการ เพื่อดูแลผู้เข้าอบรมหลักสูตร 7 วัน อย่างทั่วถึง ในค่าเรียนที่ประหยัดแบบไทยๆ แต่ได้คุณภาพสูงสุดจบออกมาอย่างเป็นมืออาชีพ ที่พร้อมทั้งเทคนิคของNLP และมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งของเข็มทิศชีวิตในการดูแลตนเอง ผู้อื่น ทั้งการนำไปใช้ในโลกธุรกิจและ ครอบครัว
1 หลักสูตรนักจิตใต้สำนึกมืออาชีพNLP 7วัน
Licensed Practitioner of Neuro-Linguistic Programming (TM)
วันที่2- 8พฤษภาคม 2554 รวม 7วันตรงกับวันหยุด4วัน
เวลา 10.00-18.00น
จัดที่สถาบันตรัยยา รพ. ปิยะเวท ถนนพระราม 9
เป็นหลักสูตรภาคสมบูรณ์ ของนักจิตใต้สำนึก ที่ต้องการจัดการกับสิ่งที่อยู่ในตัวเอง เรียนรู้วิธีและสามารถทำงานดูแลผู้มาปรึกษาได้
ค่าอบรม รวมไลเซนส์จาก ดร.แบนด์เลอร์ผู้คิดค้น NLPที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก49,000บาท
รายละเอียดหลักสูตร 7วัน
1เปลี่ยนอดีต ด้วยการเปลี่ยนการมองเห็นในระดับจิตใต้สำนึก
เป็นไปได้สำหรับทุกคนที่จะมีชีวิตวัยเด็กที่มีความสุขสมบูรณ์
2ปลดกรอบความฝังใจที่ทำให้ชีวิตเราเจอเหตุการณ์เดิมซำ้ๆ
3สำรวจ ดูแลสิ่งที่อยู่ใต้ภูเขานำ้แข็ง
4การตีความสิ่งที่เกิดขึ้น กำหนดการตอบสนองของเรา สร้างกรอบการแปล
สิ่งที่เกิดขึ้น ให้เป็นประโยชน์ต่อโลกต่อตนเองอย่างมหัศจรรย์
5 เปิดศักยภาพสูงสุดในตนเอง อย่างที่เราคิดไม่ถึง
6คลี่คลายสิ่งที่กีดขวางการบรรลุเป้าหมาย อยู่ในจิตใต้สำนึกของเราเอง
7ล้าง ถ่ายเท สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์สูงสุดในตนเอง
8ฝึกพาตนเองและผู้อื่นไปสู่ภาวะที่ร่างกายและจิตใจมีพลังสูงสุด
9กำหนดเป้าประสงค์ที่ดีและชีวิตเราต้องการอย่างแท้จริง
10 ภาคปฎิบัติการ ขับเคลื่อนชีวิตอย่างมีวัตถุประสงค์และบรรลุวัตถุประสงค์
11ขั้นตอน สู่ความสุข มีพลังยิ่งใหญ่ มีความเข้าใจ ในทุกเหตุการณ์
12เทคนิคขั้นตอน NLP สำหรับการดูแลผู้อื่นและตนเองอย่างยั่งยืนตามมาตราฐานโลก
2 หลักสูตรเข็มทิศจิตใต้สำนึก 2วัน
ครั้งที่1 เมื่อ 19-20มีนาคม 2554 ค่าอบรม8,800บาท
ครั้งที่2 จะจัดในเดือนพฤษภาคม 2554 (ไม่ต้องมีพื้นฐานครั้งที่1)ค่าอบรม 8,800 บาท
รายละเอียดหลักสูตร 2 วัน
ในหลักสูตรพื้นฐาน 2วัน จะประกอบไปด้วย 4ส่วนหลักคือ
- ค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง คลายปม เปิดแผล ใส่ยา
- สร้างเป้าประสงค์ในชีวิตจากสิ่งที่เรามีให้ชัด สิ่งที่เราอยากได้ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงหรือไม่
- กลยุทธ์แห่งชีวิต ภาคปฏิบัติการสู่วัตถุประสงค์ของชีวิต
- ขั้นตอน หนึ่ง สอง สาม สู่ความสุขความเข้าใจได้ในทุกสถาณการณ์ สำหรับตนเองและคนใกล้ตัว
ติดต่อ คุณรินรดา โทร. 086 – 892 – 0440
, 087 1300 438
วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
งานเปิดใจสื่อมวลชนที่ผ่านการใช้เข็มทิศจิตใต้สำนึก
ไปดูสื่อมวลชนเปิดใจกันเอง ว่ามีปมอะไรอยู่ในใจแล้วผ่านมันมาได้ยังไง ที่งานเข็มทิศจิตใต้สำนึกพบสื่อค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=KiteKNCFc EI
http://www.youtube.com/watch?v=wNiYwhkbF tY&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=Uaa6LKwtg ww&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=wViu8JO4h Po&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=91PaMzlAT uw&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=fCyZkD1vE Ag&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=g6hnyC1wR lk&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=KiteKNCFc
http://www.youtube.com/watch?v=wNiYwhkbF
http://www.youtube.com/watch?v=Uaa6LKwtg
http://www.youtube.com/watch?v=wViu8JO4h
http://www.youtube.com/watch?v=91PaMzlAT
http://www.youtube.com/watch?v=fCyZkD1vE
http://www.youtube.com/watch?v=g6hnyC1wR
วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554
ข่าวกรุงเทพธุรกิจ ฐิตินาถ เข็มทิศจิตใต้สำนึก
http://bit.ly/hG7h6p
โค้ชจิตใต้สำนึก เข็มทิศชีวิตใหม่..ฐิตินาถ ณ พัทลุง
โดย : ดุลยปวีณ กรณฑ์แสง
ทำไมคนบางแบบถึงเข้ามาในชีวิตเรา ทำไมปัญหบางอย่างถึงเข้ามาสร้างความวุ่นวายซ้ำๆ ในชีวิต..คำตอบที่แท้จริงอาจมีต้นตอลึกๆอยู่ที่ปมในใจของเราเอง
185 ราชดำริ คอนโดความหรูหรากลางกรุงเทพ วิถีชีวิตบน ถ.ราชดำริ การลงทุนที่คุ้มค่าของคุณwww.RaimonLand.com
ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดฟันหนี่งในคลินิกทำฟันที่ใหญ่ที่สุด ได้ ISO รับแพกเกจส่วนลดวันนี้www.bangkokdentalhospital.com
ในยุคที่ผู้คนพากันโหยหา "ฮาวทูความสุข" สารพัดรูปแบบ การมีที่พึ่งทางใจอย่าง "Life Coach" หรือโค้ชชีวิตเก่งๆ สักคน กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใครหลายคนพร้อมจะจ่ายเงินหลักหมื่นเพื่อแลกกับการเยียวยาหัวใจ สะสางปมปัญหาร้ายๆ ให้พ้นไปจากชีวิต
ตั้งแต่สวมบทบาทใหม่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใต้สำนึกให้แก่องค์กรต่างๆและที่สถาบันตรัยยา โรงพยาบาลปิยะเวท เมื่อปีที่แล้ว ฐิตินาถ ณ พัทลุง ทำหน้าที่เป็น "ผู้ช่วย" ให้แก่คนไข้สารพัดปัญหาชีวิตที่เข้าคิวมาปรึกษา ตั้งแต่นักธุรกิจพันล้าน วัยรุ่นติดยา คนทำงานที่แก้ปัญหาชีวิตไม่ตก ไปจนถึงผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่สิ้นหวังกับชีวิต
ฐิตินาถ ตั้งคำถามชวนคิดว่าเคยสงสัยไหมทำไมคนบางแบบถึงเข้ามาในชีวิตเรา ทำไมปัญหาบางอย่างถึงเข้ามาสร้างความวุ่นวายซ้ำๆ ในชีวิต
คำตอบที่แท้จริงอาจมีต้นตอลึกๆ อยู่ที่ปมในใจของเราเอง โดยที่ปัญหาต่างๆ เข้ามาเพื่อตอกย้ำให้เราได้จัดการสะสางจนกว่าเราจะหลุดจากปมที่ฝังลึกในใจ
บางคนอาจเลือกกลบเกลื่อนความทุกข์ไว้ในส่วนลึกเพื่อหนีจากสิ่งที่ควรทำจริงๆ ในชีวิต เช่น ไปชอปปิง เล่นเฟซบุ๊ค ใช้ชีวิตทำอะไรก็ได้ให้ลืมๆ กินทั้งที่ไม่หิวจนอ้วนมาก ทำงานเพื่อลืมความทุกข์จนเสียสุขภาพ มีแฟนเยอะแต่เหงามาก ฯลฯ
แม้กระทั่งไปอาสาทำเรื่องของคนอื่นหรือส่วนรวมเพื่อหลีกเลี่ยงไม่สะสางเรื่องค้างคาของตนเอง หรือจิตใต้สำนึกสั่งให้เก็บความเจ็บป่วยหรือความทุกข์เรื้อรังไว้ เพื่อใช้เป็นที่ซ่อนตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องส่งมอบผลงานในชีวิต และรับผิดชอบต่อครอบครัวและตนเอง
หน้าที่ของโค้ชจิตใต้สำนึก คือ การทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้ช่วยพาผู้คนสำรวจสิ่งที่แต่ละคนเก็บฝังไว้ในจิตใต้สำนึกซึ่งเราอาจจำไม่ได้หรือไม่รู้เลยว่ามันมีผลต่อวิธีคิดและการตัดสินใจของเรามาถึงปัจจุบัน
“ ไลฟ์โค้ชทำหน้าที่เป็นเหมือนไกด์ ที่ช่วยให้เขาผ่อนคลายไปสู่คลื่นสมองที่ช้าลงจนถึงระดับธีต้า เมื่อเราได้ย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์นั้นๆ อีกครั้งที่ซ่อนลึก ได้ถอยออกมามองปมปัญหาในแบบผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความเข้าใจ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคนในชีวิต”
ฐิตินาถ ยกตัวอย่างว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งป่วยทางกายกระดูกหักทั้งตัว แต่แท้จริงแล้วจิตใจข้างในของเขาต่างหากที่แตกสลายไปหมดแล้ว หรือเด็กวัยรุ่นบางคนที่เคยติดยาบำบัดมาไม่รู้ต่อกี่ครั้ง แต่ทันทีที่เขาเข้าไปจัดการใจของเขาได้ จากที่เคยตื่นมาแล้วรู้สึกชีวิตว่างเปล่า และต้องพึ่งการใช้ยา ในวันที่ใจเต็มเขาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งยาอีกต่อไป
“ เขาบอกว่าพอคิดจะเล่นยา มันไม่อร่อยแล้ว เพราะไม่ต้องใช้ยาก็เข้าไปถึงจุดที่ไฮได้ นั่นคือเขาสามารถเข้าไปจัดการกับใจตัวเองได้แล้ว”
อีกเคสที่ฐิตินาถมักจะนำมาเล่าถึง คือ ผู้หญิงอายุกว่า 50 ปีคนหนึ่งที่สงสัยเหลือเกินว่าทำไมเธอจึงได้รับผลตอบแทนน้อย ทั้งๆ ที่เป็นคนมีความสามารถ แต่คนมักปฏิบัติกับเธอแบบเป็นภาระ มากกว่าเป็นคนที่มีค่า
ขณะที่เข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย คลื่นสมองช้าลงจนถึงระดับธีต้า เธอจำความรู้สึกขณะที่เป็นเด็กทารกได้ เธอรู้สึกว่าขณะนั้นแม่ไม่ต้องการให้เธออยู่ในท้อง เธอได้เห็นเหตุผลเลยว่าทำไมตลอดทั้งชีวิตความรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการถึงอยู่กับเธอเสมอ จนทำให้เธอมีแฟนตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุ 17 เพื่อจะได้มีใครสักคน ทั้งที่เธอเป็นคนสวย ใจดี แต่คนอื่นๆ มักจะปฏิบัติกับเธอไม่ดีเสมอ
ความจริงคือ ตอนที่แม่ตั้งครรภ์ พ่อไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น แต่ติดเชื้อซิฟิลิสมา ทำให้แม่เป็นห่วงมากกลัวว่าเธอจะพิการโดยที่ไม่รู้เลยว่า ความรู้สึกไม่อยากให้เธอมาอยู่ในท้องได้ไปบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกส่วนที่ลึกที่สุดของเธอเรียบร้อยแล้ว
ยังมีเคสของนักธุรกิจอีกคนหนึ่งอายุ 50 กว่าแล้ว ทุกครั้งที่สร้างความสำเร็จมาถึงจุดหนึ่งทีไรเขาจะทำพังลงทุกที จนมาค้นพบปมที่ฝังลึกในวัยเด็กที่ภาวะสมองช็อกเพราะตกใจกับคำพูดของพ่อที่พูดใส่หน้าว่า “คนอย่างแกไม่คู่ควรกับการได้อะไรดีๆ หรอก”
ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการสนใจศึกษาวิชาการจัดการจิตใต้สำนึกอย่างจริงจัง ฐิตินาถเล่าว่าเริ่มต้นจากการไปบรรยายเล่าถึงวิธีการที่เธอจัดการกับปัญหาหนี้ชีวิตร้อยล้าน แต่ทำไมหลายคนถึงทำไม่ได้ นั่นเพราะเขายังคิดด้วยระบบความคิดเดิมที่ทำให้เป็นหนี้
“ไอน์สไตน์บอกว่าคุณไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยความคิดระดับเดียวกับที่สร้างปัญหาให้คุณได้ แต่คุณต้องไปอีกจุดหนึ่ง ตอนที่แก้ปัญหาหนี้ได้ อ้อยจำได้ว่าแค่เห็นหนี้กับใจเป็นคนละส่วน แล้วจัดการหนี้เหมือนไม่มีอะไร ฉันก็มีความสุขได้ มันเป็นวิธีที่สมองทำงานอีกแบบคือการแยกตัวจากปัญหา แต่คนทั่วไปที่ไม่ได้ปฏิบัติสมาธิจะช่วยยังไงให้เขาถอนตัวออกมาให้มองเห็นปัญหาแล้วจัดการ ซึ่งการใช้จิตใต้สำนึกเป็นวิธีหนึ่งซึ่งฝรั่งใช้มา 40 ปีแล้ว แม้แต่ดาราซูเปอร์สตาร์คนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกหลายคนล้วนมีโค้ชที่เป็นนักจิตใต้สำนึก” ฐิตินาถ เล่า
หลายปีที่ผ่านมา ฐิตินาถใช้เงินนับล้านเพื่อร่ำเรียนศาสตร์ด้านการใช้จิตสำนึกอย่างเงียบๆ ในต่างประเทศ และบางครั้งถึงขนาดส่งตั๋วเชิญอาจารย์บินมาสอนตัวต่อตัวที่เมืองไทย
“ ถ้าทำอะไรแล้วก็อยากทำให้ดีที่สุดในเมืองไทย อ้อยเลือกเรียนกับคนที่เก่งที่สุดของโลก และเป็นเจ้าตำรับเบอร์หนึ่งของโลก คือ ดร.ริชาร์ด แบนด์เลอร์ ซึ่งเป็นคนค้นพบศาสตร์ที่เรียกว่า NLP (Neuro-linguistic Programming) มา 40 ปี และไปเรียนกับหลายคนที่เก่งๆ ของโลกทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา และเริ่มมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใต้สำนึกที่โรงพยาบาลปิยะเวทเมื่อปีที่แล้ว “
ชั่วโมงละ 15,000 บาท คือ ค่าใช้จ่ายในการให้คำปรึกษาต่อหนึ่งครั้งโดยปัจจุบันเธอมีคิวจองยาวล่วงหน้าไปแล้วถึง 2 ปี ล่าสุด ฐิตินาถเพิ่งจัดงานเปิดตัวหลักสูตรเข็มทิศจิตใต้สำนึกที่เธอตั้งบริษัทเข็มทิศเอ็นแอลพี www.compassNLP.com เพื่อผลิตบุคคลากรโค้ชจิตใต้สำนึกในเมืองไทย รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจอยากเป็นโค้ชเพื่อรักษาตัวเอง โดยหลักสูตรพื้นฐานครั้งแรกเปิดอบรมในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 19-20 มีนาคม นี้ ที่โรงแรมสนามกอล์ฟฮิลล์ไซด์คันทรีโฮม ราคา 8,800 บาท เมื่อเรียนครบหลักสูตรทั้ง 4 ครั้งจะได้รับประกาศนียบัตรที่ได้รับการรับรองโดยตรงจากสถาบัน NLP อเมริกา
“คนที่มาสมัครมาเรียนกับเรามีทั้งหมอ นักแนะแนว ที่ปรึกษา นักการตลาด พ่อแม่ ครู คนธรรมดาที่อยากประสบความสำเร็จแบบมีความสุข ครึ่งหนึ่งเป็นคนธรรมดาทั่วไปและอีกครึ่งหนึ่งเป็นคนในวิชาชีพที่สนใจ
การเป็นโค้ชต้องอาศัยการฝึกฝนและไม่ง่าย เหมือนคนเรียนจบการตลาดเป็นล้านคน แต่คนที่เป็นนักการตลาดเก่งๆ จริงอาจมีไม่กี่คน คนที่มาเรียนด้านนี้ควรต้องมีจิตใจที่อยากช่วยคนอื่น อยากเห็นคนอื่นมีความสุข เชื่อระบบที่วัดผลเป็นรูปธรรมได้ ส่วนใครที่คิดว่าเป็นอาชีพที่มีผลตอบแทนดีแต่ไม่มีความจริงใจ อะไรก็ตามถ้าคิดจะฉวยโอกาสก่อนคุณไม่มีทางประสบความสำเร็จ และถ้าคิดจะมาเอาก่อนก็ติดลบตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว
ถ้าคนจะมาสอนคนอื่น คุณต้องผ่านชีวิตได้ก่อนและคุณต้องมีแล้วก่อน อ้อยเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าคุณยังไม่มี คุณอย่าไปสอนคนอื่นเลย" เจ้าของหลักสูตรเข็มทิศจิตบำบัดเชื่อเช่นนั้น
--------------------------
ตั้งแต่สวมบทบาทใหม่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใต้สำนึกให้แก่องค์กรต่างๆและที่สถาบันตรัยยา โรงพยาบาลปิยะเวท เมื่อปีที่แล้ว ฐิตินาถ ณ พัทลุง ทำหน้าที่เป็น "ผู้ช่วย" ให้แก่คนไข้สารพัดปัญหาชีวิตที่เข้าคิวมาปรึกษา ตั้งแต่นักธุรกิจพันล้าน วัยรุ่นติดยา คนทำงานที่แก้ปัญหาชีวิตไม่ตก ไปจนถึงผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่สิ้นหวังกับชีวิต
ฐิตินาถ ตั้งคำถามชวนคิดว่าเคยสงสัยไหมทำไมคนบางแบบถึงเข้ามาในชีวิตเรา ทำไมปัญหาบางอย่างถึงเข้ามาสร้างความวุ่นวายซ้ำๆ ในชีวิต
คำตอบที่แท้จริงอาจมีต้นตอลึกๆ อยู่ที่ปมในใจของเราเอง โดยที่ปัญหาต่างๆ เข้ามาเพื่อตอกย้ำให้เราได้จัดการสะสางจนกว่าเราจะหลุดจากปมที่ฝังลึกในใจ
บางคนอาจเลือกกลบเกลื่อนความทุกข์ไว้ในส่วนลึกเพื่อหนีจากสิ่งที่ควรทำจริงๆ ในชีวิต เช่น ไปชอปปิง เล่นเฟซบุ๊ค ใช้ชีวิตทำอะไรก็ได้ให้ลืมๆ กินทั้งที่ไม่หิวจนอ้วนมาก ทำงานเพื่อลืมความทุกข์จนเสียสุขภาพ มีแฟนเยอะแต่เหงามาก ฯลฯ
แม้กระทั่งไปอาสาทำเรื่องของคนอื่นหรือส่วนรวมเพื่อหลีกเลี่ยงไม่สะสางเรื่องค้างคาของตนเอง หรือจิตใต้สำนึกสั่งให้เก็บความเจ็บป่วยหรือความทุกข์เรื้อรังไว้ เพื่อใช้เป็นที่ซ่อนตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องส่งมอบผลงานในชีวิต และรับผิดชอบต่อครอบครัวและตนเอง
หน้าที่ของโค้ชจิตใต้สำนึก คือ การทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้ช่วยพาผู้คนสำรวจสิ่งที่แต่ละคนเก็บฝังไว้ในจิตใต้สำนึกซึ่งเราอาจจำไม่ได้หรือไม่รู้เลยว่ามันมีผลต่อวิธีคิดและการตัดสินใจของเรามาถึงปัจจุบัน
“ ไลฟ์โค้ชทำหน้าที่เป็นเหมือนไกด์ ที่ช่วยให้เขาผ่อนคลายไปสู่คลื่นสมองที่ช้าลงจนถึงระดับธีต้า เมื่อเราได้ย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์นั้นๆ อีกครั้งที่ซ่อนลึก ได้ถอยออกมามองปมปัญหาในแบบผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความเข้าใจ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคนในชีวิต”
ฐิตินาถ ยกตัวอย่างว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งป่วยทางกายกระดูกหักทั้งตัว แต่แท้จริงแล้วจิตใจข้างในของเขาต่างหากที่แตกสลายไปหมดแล้ว หรือเด็กวัยรุ่นบางคนที่เคยติดยาบำบัดมาไม่รู้ต่อกี่ครั้ง แต่ทันทีที่เขาเข้าไปจัดการใจของเขาได้ จากที่เคยตื่นมาแล้วรู้สึกชีวิตว่างเปล่า และต้องพึ่งการใช้ยา ในวันที่ใจเต็มเขาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งยาอีกต่อไป
“ เขาบอกว่าพอคิดจะเล่นยา มันไม่อร่อยแล้ว เพราะไม่ต้องใช้ยาก็เข้าไปถึงจุดที่ไฮได้ นั่นคือเขาสามารถเข้าไปจัดการกับใจตัวเองได้แล้ว”
อีกเคสที่ฐิตินาถมักจะนำมาเล่าถึง คือ ผู้หญิงอายุกว่า 50 ปีคนหนึ่งที่สงสัยเหลือเกินว่าทำไมเธอจึงได้รับผลตอบแทนน้อย ทั้งๆ ที่เป็นคนมีความสามารถ แต่คนมักปฏิบัติกับเธอแบบเป็นภาระ มากกว่าเป็นคนที่มีค่า
ขณะที่เข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย คลื่นสมองช้าลงจนถึงระดับธีต้า เธอจำความรู้สึกขณะที่เป็นเด็กทารกได้ เธอรู้สึกว่าขณะนั้นแม่ไม่ต้องการให้เธออยู่ในท้อง เธอได้เห็นเหตุผลเลยว่าทำไมตลอดทั้งชีวิตความรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการถึงอยู่กับเธอเสมอ จนทำให้เธอมีแฟนตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุ 17 เพื่อจะได้มีใครสักคน ทั้งที่เธอเป็นคนสวย ใจดี แต่คนอื่นๆ มักจะปฏิบัติกับเธอไม่ดีเสมอ
ความจริงคือ ตอนที่แม่ตั้งครรภ์ พ่อไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น แต่ติดเชื้อซิฟิลิสมา ทำให้แม่เป็นห่วงมากกลัวว่าเธอจะพิการโดยที่ไม่รู้เลยว่า ความรู้สึกไม่อยากให้เธอมาอยู่ในท้องได้ไปบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกส่วนที่ลึกที่สุดของเธอเรียบร้อยแล้ว
ยังมีเคสของนักธุรกิจอีกคนหนึ่งอายุ 50 กว่าแล้ว ทุกครั้งที่สร้างความสำเร็จมาถึงจุดหนึ่งทีไรเขาจะทำพังลงทุกที จนมาค้นพบปมที่ฝังลึกในวัยเด็กที่ภาวะสมองช็อกเพราะตกใจกับคำพูดของพ่อที่พูดใส่หน้าว่า “คนอย่างแกไม่คู่ควรกับการได้อะไรดีๆ หรอก”
ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการสนใจศึกษาวิชาการจัดการจิตใต้สำนึกอย่างจริงจัง ฐิตินาถเล่าว่าเริ่มต้นจากการไปบรรยายเล่าถึงวิธีการที่เธอจัดการกับปัญหาหนี้ชีวิตร้อยล้าน แต่ทำไมหลายคนถึงทำไม่ได้ นั่นเพราะเขายังคิดด้วยระบบความคิดเดิมที่ทำให้เป็นหนี้
“ไอน์สไตน์บอกว่าคุณไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยความคิดระดับเดียวกับที่สร้างปัญหาให้คุณได้ แต่คุณต้องไปอีกจุดหนึ่ง ตอนที่แก้ปัญหาหนี้ได้ อ้อยจำได้ว่าแค่เห็นหนี้กับใจเป็นคนละส่วน แล้วจัดการหนี้เหมือนไม่มีอะไร ฉันก็มีความสุขได้ มันเป็นวิธีที่สมองทำงานอีกแบบคือการแยกตัวจากปัญหา แต่คนทั่วไปที่ไม่ได้ปฏิบัติสมาธิจะช่วยยังไงให้เขาถอนตัวออกมาให้มองเห็นปัญหาแล้วจัดการ ซึ่งการใช้จิตใต้สำนึกเป็นวิธีหนึ่งซึ่งฝรั่งใช้มา 40 ปีแล้ว แม้แต่ดาราซูเปอร์สตาร์คนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกหลายคนล้วนมีโค้ชที่เป็นนักจิตใต้สำนึก” ฐิตินาถ เล่า
หลายปีที่ผ่านมา ฐิตินาถใช้เงินนับล้านเพื่อร่ำเรียนศาสตร์ด้านการใช้จิตสำนึกอย่างเงียบๆ ในต่างประเทศ และบางครั้งถึงขนาดส่งตั๋วเชิญอาจารย์บินมาสอนตัวต่อตัวที่เมืองไทย
“ ถ้าทำอะไรแล้วก็อยากทำให้ดีที่สุดในเมืองไทย อ้อยเลือกเรียนกับคนที่เก่งที่สุดของโลก และเป็นเจ้าตำรับเบอร์หนึ่งของโลก คือ ดร.ริชาร์ด แบนด์เลอร์ ซึ่งเป็นคนค้นพบศาสตร์ที่เรียกว่า NLP (Neuro-linguistic Programming) มา 40 ปี และไปเรียนกับหลายคนที่เก่งๆ ของโลกทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา และเริ่มมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใต้สำนึกที่โรงพยาบาลปิยะเวทเมื่อปีที่แล้ว “
ชั่วโมงละ 15,000 บาท คือ ค่าใช้จ่ายในการให้คำปรึกษาต่อหนึ่งครั้งโดยปัจจุบันเธอมีคิวจองยาวล่วงหน้าไปแล้วถึง 2 ปี ล่าสุด ฐิตินาถเพิ่งจัดงานเปิดตัวหลักสูตรเข็มทิศจิตใต้สำนึกที่เธอตั้งบริษัทเข็มทิศเอ็นแอลพี www.compassNLP.com เพื่อผลิตบุคคลากรโค้ชจิตใต้สำนึกในเมืองไทย รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจอยากเป็นโค้ชเพื่อรักษาตัวเอง โดยหลักสูตรพื้นฐานครั้งแรกเปิดอบรมในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 19-20 มีนาคม นี้ ที่โรงแรมสนามกอล์ฟฮิลล์ไซด์คันทรีโฮม ราคา 8,800 บาท เมื่อเรียนครบหลักสูตรทั้ง 4 ครั้งจะได้รับประกาศนียบัตรที่ได้รับการรับรองโดยตรงจากสถาบัน NLP อเมริกา
“คนที่มาสมัครมาเรียนกับเรามีทั้งหมอ นักแนะแนว ที่ปรึกษา นักการตลาด พ่อแม่ ครู คนธรรมดาที่อยากประสบความสำเร็จแบบมีความสุข ครึ่งหนึ่งเป็นคนธรรมดาทั่วไปและอีกครึ่งหนึ่งเป็นคนในวิชาชีพที่สนใจ
การเป็นโค้ชต้องอาศัยการฝึกฝนและไม่ง่าย เหมือนคนเรียนจบการตลาดเป็นล้านคน แต่คนที่เป็นนักการตลาดเก่งๆ จริงอาจมีไม่กี่คน คนที่มาเรียนด้านนี้ควรต้องมีจิตใจที่อยากช่วยคนอื่น อยากเห็นคนอื่นมีความสุข เชื่อระบบที่วัดผลเป็นรูปธรรมได้ ส่วนใครที่คิดว่าเป็นอาชีพที่มีผลตอบแทนดีแต่ไม่มีความจริงใจ อะไรก็ตามถ้าคิดจะฉวยโอกาสก่อนคุณไม่มีทางประสบความสำเร็จ และถ้าคิดจะมาเอาก่อนก็ติดลบตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว
ถ้าคนจะมาสอนคนอื่น คุณต้องผ่านชีวิตได้ก่อนและคุณต้องมีแล้วก่อน อ้อยเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าคุณยังไม่มี คุณอย่าไปสอนคนอื่นเลย" เจ้าของหลักสูตรเข็มทิศจิตบำบัดเชื่อเช่นนั้น
--------------------------
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)